การกบฏของโอนิรัสในปี 486 พศ. : ความขัดแย้งภายในจักรวรรดิโรมันตะวันตกและจุดเริ่มต้นของยุคฟรังก์

blog 2024-12-08 0Browse 0
 การกบฏของโอนิรัสในปี 486 พศ. : ความขัดแย้งภายในจักรวรรดิโรมันตะวันตกและจุดเริ่มต้นของยุคฟรังก์

อาณาจักรของ Frankish ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงศตวรรษที่ 5 โดยมีรากฐานมาจากชนเผ่า Germanic ที่แข็งแกร่ง และการกบฏของโอนิรัส (Aetius) ในปี 486 พ.ศ. ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ไม่เพียงแต่เปิดเผยความอ่อนแอของจักรวรรดิโรมันตะวันตกเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของยุคฟรังก์ที่ครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปตะวันตกอีกด้วย

ก่อนที่จะเข้าไปในรายละเอียดเกี่ยวกับการกบฏของโอนิรัส เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้น จักรวรรดิโรมันตะวันตกกำลังเผชิญกับวิกฤติอย่างรุนแรง จากการบุกรุกของชนเผ่า Barbarian ที่ต่อเนื่อง และการขาดแคลนทรัพยากร

จักรพรรดิเนrosio (Nepotianus) ผู้ครองราชย์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีความสามารถในการปกครองและป้องกันอาณาจักรของตนเอง ความไม่สงบภายในจักรวรรดิก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เหตุการณ์สำคัญ ปี พ.ศ.
การสวรรคตของจักรพรรดิมักซิมิลิอาน 484
การก่อตั้งอาณาจักรฟรังก์ 481
การกบฏของโอนิรัส 486

ในปี 486 พ.ศ. โอนิรัส (Aetius) ขุนพลโรมันผู้มีความสามารถสูง ได้นำทัพของตนเองต่อต้านจักรพรรดิเนrosio โอนิรัสต้องการโค่นล้มจักรพรรดิและขึ้นครองราชย์แทน

การกบฏของโอนิรัสประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทหารของโอนิรัสได้ยึดครองกรุงโรม และจักรพรรดิเนrosioถูกสังหารในระหว่างการสู้รบ

หลังจากนั้น โอนิรัสก็สถาปนาตนเองเป็นผู้นำสูงสุดของโรมันตะวันตก

แต่ความยิ่งใหญ่ของโอนิรัสกลับไม่ยืนยาว

ผลกระทบของการกบฏของโอนิรัส การกบฏของโอนิรัสส่งผลกระทบอย่างมากต่อประวัติศาสตร์ยุโรปในช่วงปลายสมัยโบราณ

  1. จุดเริ่มต้นของยุคฟรังก์: โอนิรัส ผู้เป็นขุนพลโรมัน ได้สานต่ออำนาจและความยิ่งใหญ่ของฟรังก์ หลังจากการสิ้นพระชนม์ของโอนิรัส ก็ได้เกิดขึ้นผู้นำฟรังก์คนใหม่ๆ ซึ่งนำพาอาณาจักรฟรังก์ไปสู่ยุคทอง
  2. การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก: การกบฏของโอนิรัส เป็นสัญญาณถึงความเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วของจักรวรรดิโรมันตะวันตก อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ถูกแบ่งแยกและล่มสลายในไม่ช้า

การกบฏของโอนิรัสเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จุดประกายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุโรป การสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมันตะวันตกและการ उदัยขึ้นของอาณาจักรฟรังก์ได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเมืองและสังคมของยุโรปไปตลอดกาล

TAGS