การปฏิวัติศาสนาในอังกฤษ (English Reformation) เป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีความรุนแรงและสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางศาสนาและการเมืองของประเทศอังกฤษไปตลอดกาล
ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติศาสนา อังกฤษเป็นประเทศคาทอลิก โดยมีพระสันตะปาปาในกรุงโรมเป็นประมุขสูงสุดของศาสนจักร การปฏิบัติทางศาสนาถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยศาสนจักร และผู้คนส่วนใหญ่ต้องยึดถือหลักคำสอนของคาทอลิก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ความไม่พอใจต่อการครอบงำของศาสนจักรโรมันเริ่มเพิ่มขึ้นในหมู่ประชาชนอังกฤษ หลายคนรู้สึกว่าพระสันตะปาปาและผู้ใต้บังคับบัญชาของพระองค์ใช้อำนาจมากเกินไป และความเชื่อทางศาสนาควรจะถูกกำหนดโดยกษัตริย์อังกฤษ
นอกจากนี้ ยังมีการโต้เถียงทางปรัชญาและเทววิทยาที่เกิดขึ้นในยุโรป ซึ่งนำไปสู่การเกิดขึ้นของลัทธิโปรเตสแตนท์ ลัทธิใหม่นี้ตั้งคำถามถึงอำนาจของพระสันตะปาปา และเน้นความสำคัญของการอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลโดยตรง
หนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในการผลักดันการปฏิวัติศาสนาในอังกฤษคือพระเจ้าเฮนรีที่ 8 (King Henry VIII) กษัตริย์ผู้ทรงต้องการหย่าร้างกับพระมเหสีคนแรก แคทเธอรีน ออฟ อราโก (Catherine of Aragon) เพื่อที่จะสมรสใหม่
แต่พระสันตะปาปาไม่ยอมให้กษัตริย์หย่าร้างจากพระมเหสี พระเจ้าเฮนรีที่ 8 จึงตัดสินใจแยกตัวออกจากศาสนจักรโรมัน และสถาปนาตนเองเป็นประมุขสูงสุดของศาสนจักรแห่งอังกฤษ
การกระทำนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในอังกฤษ สิ่งที่น่าสนใจคือ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ยังคงยึดถือหลักคำสอนคาทอลิกส่วนใหญ่ แต่การแยกตัวออกจากกรุงโรมเปิดทางให้กับการปฏิรูปศาสนาในภายหลัง
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 (King Edward VI) บุตรชายของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 สืบราชสมบัติต่อมาและทรงดำเนินการปฏิรูปศาสนาอย่างรุนแรง โดยนำลัทธิโปรเตสแตนท์เข้ามาใช้ในอังกฤษ
ระหว่างรัชสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 เกิดการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาอย่างมาก มีการปิดวัดคาทอลิก และทรัพย์สินของศาสนจักรถูกริบยึด การอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอังกฤษได้รับการส่งเสริม
อย่างไรก็ตาม หลังจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 สวรรคต พระมารดาของพระองค์ คือ เลดี เจน เกรย์ (Lady Jane Grey) ขึ้นครองราชย์ แต่รัชสมัยของพระนางสั้นมาก และถูกโค่นล้ม
ต่อมา พระเชื้อสายคาทอลิก คือ พระนางแมรีที่ 1 (Queen Mary I) ได้ขึ้นครองราชสมบัติและทรงพยายามที่จะฟื้นฟูศาสนาคาทอลิกในอังกฤษ
รัชสมัยของพระนางแมรีที่ 1 เป็นที่รู้จักกันในนาม “Bloody Mary” เนื่องจากการข่มเหงและประหารชีวิตผู้ที่นับถือโปรเตสแตนท์จำนวนมาก
เมื่อพระนางแมรีที่ 1 สวรรคต พระราชธิดาของพระนาง คือ พระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 (Queen Elizabeth I) ได้ขึ้นครองราชสมบัติและทรงนำอังกฤษเข้าสู่ยุค “Elizabethan Era” ซึ่งเป็นยุคทองของประเทศอังกฤษ
พระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 ทรงประกาศนโยบายความเชื่อที่เรียกว่า “Via Media” หรือ “ทางสายกลาง” ซึ่งพยายามที่จะรวมศาสนาคาทอลิกและโปรเตสแตนท์เข้าด้วยกัน
พระนางทรงอนุญาตให้ประชาชนเลือกนับถือศาสนาได้อย่างอิสระ และทรงสร้างความสมดุลระหว่างศาสนาและรัฐ
การปฏิวัติศาสนาในอังกฤษเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก และมีผลกระทบต่อประเทศอังกฤษไปตลอดหลายศตวรรษ นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาแล้ว การปฏิวัติศาสนายังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคม
-
การล่มสลายของอำนาจศาสนจักร: การแยกตัวออกจากศาสนจักรโรมันทำให้กษัตริย์อังกฤษมีอำนาจเหนือกว่า
-
การเกิดขึ้นของลัทธิโปรเตสแตนท์ในอังกฤษ: ลัทธิโปรเตสแตนท์กลายเป็นศาสนาที่แพร่หลายที่สุดในอังกฤษ
-
ความขัดแย้งทางศาสนาและการเมือง: การปฏิวัติศาสนาทำให้เกิดความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองระหว่างคาทอลิกกับโปรเตสแตนท์
ผลกระทบของการปฏิวัติศาสนา | |
---|---|
อำนาจของกษัตริย์เพิ่มขึ้น | |
เกิดลัทธิโปรเตสแตนท์ในอังกฤษ | |
ความขัดแย้งทางศาสนาและการเมือง |
สรุป
การปฏิวัติศาสนาในอังกฤษเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงประเทศอังกฤษไปตลอดกาล การแยกตัวออกจากศาสนจักรโรมันทำให้กษัตริย์อังกฤษมีอำนาจเหนือกว่า และนำไปสู่การเกิดขึ้นของลัทธิโปรเตสแตนท์
นอกจากนั้น การปฏิวัติศาสนายังเป็นสาเหตุของความขัดแย้งทางศาสนาและการเมืองในประเทศอังกฤษ
การปฏิวัติศาสนานี้จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าศาสนามีอิทธิพลอย่างมากต่อการเมืองและสังคม
มันยังคงเป็นหัวข้อถกเถียงที่สำคัญในหมู่นักประวัติศาสตร์ และผู้สนใจในเรื่องนี้