การจลาจลของสvão-Paulo ปี 1935: การต่อต้านเผด็จการ และการกำเนิดของระบอบประชาธิปไตยใหม่ในบราซิล

blog 2024-12-12 0Browse 0
การจลาจลของสvão-Paulo ปี 1935: การต่อต้านเผด็จการ และการกำเนิดของระบอบประชาธิปไตยใหม่ในบราซิล

ปี 1935 เป็นปีที่สำคัญในประวัติศาสตร์บราซิล มันเป็นปีที่เห็นการลุกฮือครั้งใหญ่ของประชาชนในเมืองเซาเปาลู การจลาจลนี้เกิดจากความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อรัฐบาลเผด็จการของGetúlio Vargas ซึ่งได้เข้ายึดอำนาจในปี 1930

Vargas เข้ามาใช้อำนาจภายใต้สัญญาว่าจะนำเสถียรภาพและความเจริญให้กับบราซิลหลังจากช่วงเวลาวุ่นวายทางการเมือง แต่เมื่อเวลาผ่านไป Vargas กลับแสดงท่าทีเผด็จการมากขึ้น เขากดดันสื่อ กำจัดฝ่ายตรงข้าม และก่อตั้งพรรคเดียว

ความไม่พอใจต่อ Vargas และนโยบายของเขาได้มาถึงจุดเดือดในเดือนพฤศจิกายน 1935 เมื่อกลุ่มนักเรียนและแรงงานที่ถูกนำโดยมูริลูซูอาเรส (Murilo Soares) ซึ่งเป็นผู้นำสหพันธ์นักศึกษาแห่งชาติ (FENE) เริ่มประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง และปลดปล่อยผู้ต้องขังทางการเมือง

การประท้วงเริ่มต้นขึ้นอย่างสงบ แต่ก็ค่อยๆรุนแรงขึ้นเมื่อตำรวจใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม ผลจากการปะทะกันนี้ทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งได้จุดชนวนให้เกิดการจลาจลครั้งใหญ่ในเซาเปาลู

การก่อตัวของ “ขบวนการเสรี”

การจลาจลของเซาเปาลูไม่ใช่แค่การประท้วงของกลุ่มนักเรียนและแรงงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรวมตัวกันของ “ขบวนการเสรี” (Free Movement) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีทั้งนักวิชาการ ชาวบ้าน และสมาชิกจากพรรคฝ่ายตรงข้ามที่ถูกห้าม

ขบวนการนี้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล โดยสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยและสิทธิพลเมืองของประชาชน การจลาจลเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อความเสรี ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่ต่อต้าน Vargas

“Vargas” ยอมแพ้?

Vargas ตอบโต้การจลาจลด้วยการประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน และส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การจลาจลทำให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อระบอบเผด็จการอย่างกว้างขวาง Vargas แสดงให้เห็นว่าเขายอมรับข้อเรียกร้องของประชาชนโดยประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่

รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีลักษณะแบบ “New Deal” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนโยบายของประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt ในสหรัฐอเมริกา

รัฐธรรมนูญใหม่: สัญญาและข้อจำกัด

รัฐธรรมนูญฉบับปี 1934 กำหนดให้มีการเลือกตั้งและฟื้นฟูสถาบันประชาธิปไตย แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่ Vargas ยังคงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และสามารถใช้อำนาจเหนือรัฐสภาได้

อย่างไรก็ตาม การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในประวัติศาสตร์บราซิล การจลาจลของเซาเปาลูและการกำเนิดของขบวนการเสรีเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ผลกระทบของการจลาจล

  • การฟื้นฟูประชาธิปไตย: การจลาจลของเซาเปาลูมีบทบาทสำคัญในการนำไปสู่การกลับมาของระบอบประชาธิปไตยในบราซิล

  • การกำเนิดของขบวนการเสรี: การจลาจลนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวกันของผู้ที่ต่อต้านเผด็จการและเรียกร้องสิทธิพลเมือง

  • การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: การจลาจลมีส่วนช่วยปลุกพลังให้กับประชาชน และทำให้พวกเขามีความตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชน

  • การเสริมสร้างอำนาจของแรงงาน: การจลาจลนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของขบวนการแรงงาน และบทบาทที่สำคัญของพวกเขาในสังคม

ข้อคิดและบทเรียนจากประวัติศาสตร์

การจลาจลของเซาเปาลูเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงพลังของการต่อต้านเผด็จการ และความจำเป็นในการปกป้องสิทธิพลเมือง การจลาจลนี้มีบทบาทสำคัญในการนำไปสู่การฟื้นฟูประชาธิปไตยในบราซิล

เหตุการณ์ในปี 1935 เป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับทุกชาติที่ต้องการสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมและเสรีภาพ สำหรับประเทศที่กำลังเผชิญกับการกดขี่และการละเมิดสิทธิมนุษยชน การจลาจลของเซาเปาลูเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม และสร้างอนาคตที่สดใส

ตารางสรุปเหตุการณ์สำคัญของการจลาจลเซาเปาลู:

วันที่ เหตุการณ์
5 พฤศจิกายน 1935 กลุ่มนักเรียนและแรงงานเริ่มประท้วงต่อต้านรัฐบาล Vargas
6-7 พฤศจิกายน 1935 การประท้วงขยายตัว และเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ
8-9 พฤศจิกายน 1935 การจลาจลแพร่กระจายไปทั่วเซาเปาลู

| 10 พฤศจิกายน 1935 | Vargas ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน และส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ |

TAGS