ปี 1935 เป็นปีที่สำคัญในประวัติศาสตร์บราซิล มันเป็นปีที่เห็นการลุกฮือครั้งใหญ่ของประชาชนในเมืองเซาเปาลู การจลาจลนี้เกิดจากความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อรัฐบาลเผด็จการของGetúlio Vargas ซึ่งได้เข้ายึดอำนาจในปี 1930
Vargas เข้ามาใช้อำนาจภายใต้สัญญาว่าจะนำเสถียรภาพและความเจริญให้กับบราซิลหลังจากช่วงเวลาวุ่นวายทางการเมือง แต่เมื่อเวลาผ่านไป Vargas กลับแสดงท่าทีเผด็จการมากขึ้น เขากดดันสื่อ กำจัดฝ่ายตรงข้าม และก่อตั้งพรรคเดียว
ความไม่พอใจต่อ Vargas และนโยบายของเขาได้มาถึงจุดเดือดในเดือนพฤศจิกายน 1935 เมื่อกลุ่มนักเรียนและแรงงานที่ถูกนำโดยมูริลูซูอาเรส (Murilo Soares) ซึ่งเป็นผู้นำสหพันธ์นักศึกษาแห่งชาติ (FENE) เริ่มประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง และปลดปล่อยผู้ต้องขังทางการเมือง
การประท้วงเริ่มต้นขึ้นอย่างสงบ แต่ก็ค่อยๆรุนแรงขึ้นเมื่อตำรวจใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม ผลจากการปะทะกันนี้ทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งได้จุดชนวนให้เกิดการจลาจลครั้งใหญ่ในเซาเปาลู
การก่อตัวของ “ขบวนการเสรี”
การจลาจลของเซาเปาลูไม่ใช่แค่การประท้วงของกลุ่มนักเรียนและแรงงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรวมตัวกันของ “ขบวนการเสรี” (Free Movement) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีทั้งนักวิชาการ ชาวบ้าน และสมาชิกจากพรรคฝ่ายตรงข้ามที่ถูกห้าม
ขบวนการนี้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล โดยสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยและสิทธิพลเมืองของประชาชน การจลาจลเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อความเสรี ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่ต่อต้าน Vargas
“Vargas” ยอมแพ้?
Vargas ตอบโต้การจลาจลด้วยการประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน และส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การจลาจลทำให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อระบอบเผด็จการอย่างกว้างขวาง Vargas แสดงให้เห็นว่าเขายอมรับข้อเรียกร้องของประชาชนโดยประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่
รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีลักษณะแบบ “New Deal” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนโยบายของประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt ในสหรัฐอเมริกา
รัฐธรรมนูญใหม่: สัญญาและข้อจำกัด
รัฐธรรมนูญฉบับปี 1934 กำหนดให้มีการเลือกตั้งและฟื้นฟูสถาบันประชาธิปไตย แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่ Vargas ยังคงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และสามารถใช้อำนาจเหนือรัฐสภาได้
อย่างไรก็ตาม การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในประวัติศาสตร์บราซิล การจลาจลของเซาเปาลูและการกำเนิดของขบวนการเสรีเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ผลกระทบของการจลาจล
-
การฟื้นฟูประชาธิปไตย: การจลาจลของเซาเปาลูมีบทบาทสำคัญในการนำไปสู่การกลับมาของระบอบประชาธิปไตยในบราซิล
-
การกำเนิดของขบวนการเสรี: การจลาจลนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวกันของผู้ที่ต่อต้านเผด็จการและเรียกร้องสิทธิพลเมือง
-
การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: การจลาจลมีส่วนช่วยปลุกพลังให้กับประชาชน และทำให้พวกเขามีความตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชน
-
การเสริมสร้างอำนาจของแรงงาน: การจลาจลนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของขบวนการแรงงาน และบทบาทที่สำคัญของพวกเขาในสังคม
ข้อคิดและบทเรียนจากประวัติศาสตร์
การจลาจลของเซาเปาลูเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงพลังของการต่อต้านเผด็จการ และความจำเป็นในการปกป้องสิทธิพลเมือง การจลาจลนี้มีบทบาทสำคัญในการนำไปสู่การฟื้นฟูประชาธิปไตยในบราซิล
เหตุการณ์ในปี 1935 เป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับทุกชาติที่ต้องการสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมและเสรีภาพ สำหรับประเทศที่กำลังเผชิญกับการกดขี่และการละเมิดสิทธิมนุษยชน การจลาจลของเซาเปาลูเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม และสร้างอนาคตที่สดใส
ตารางสรุปเหตุการณ์สำคัญของการจลาจลเซาเปาลู:
วันที่ | เหตุการณ์ |
---|---|
5 พฤศจิกายน 1935 | กลุ่มนักเรียนและแรงงานเริ่มประท้วงต่อต้านรัฐบาล Vargas |
6-7 พฤศจิกายน 1935 | การประท้วงขยายตัว และเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ |
8-9 พฤศจิกายน 1935 | การจลาจลแพร่กระจายไปทั่วเซาเปาลู |
| 10 พฤศจิกายน 1935 | Vargas ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน และส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ |